ตลาดหุ้นและการลงทุนในหลักทรัพย์นั้นเป็นที่รวบรวมของผู้คนที่มีทั้งความโลภความหวังและความกลัว ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป ด้วยผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็ประสบความสำเร็จ หลายท่านก็บาดเจ็บสาหัสกันไป ทำให้ไม่คิดย้อนกลับเข้ามาในตลาดอีก เป็นจุดกำเนิดวลียอดฮิตและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การเล่นหุ้นเสมอมา ซึ่งถ้าปักใจเชื่ออย่างนี้อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการลงทุนได้ วันนี้เราจะมาดูกันว่าความเชื่อเหล่านั้นมีอะไรบ้างและเราจะก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร
1. คนจนเล่นหวยคนรวยเล่นหุ้น
วลีสุดฮิตที่ทุกคนต้องเคยได้ยิน เพราะว่าการลงทุนในหุ้นเราต้องมีเงินพอเหลือเก็บสักนิดนึง โดยเฉพาะในอดีต การเปิดบัญชีจะต้องมีเงินจำนวนพอประมาณ การซื้อหุ้น 1 ครั้ง เช่น หุ้นบริษัทปูนซิเมนต์ไทยราคา 400 กว่าบาทจะต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น ฉะนั้นจะต้องมีเงิน 4 หมื่นกว่าบาท แล้วในการซื้อขายหุ้น 1 ครั้ง แต่ในปัจจุบันนี้ บริการทางการลงทุนมีหลากหลายยิ่งขึ้น ท่านสามารถซื้อกองทุนหุ้นหรือซื้อเศษหุ้นสะสมได้ เช่น จะใช้เงินซัก 1,200 บาทซื้อหุ้นปูนซิเมนต์ทาย 3 หุ้นก็สามารถทำได้ หรือจะใช้บริการที่เขาเรียกว่า dollar cost average ( dca ) ให้โบรคเกอร์ทำการตัดบัญชีเข้าไปซื้อหุ้นด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันทุกเดือน เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยมากแค่เดือนละ 1,000 บาท ท่านก็สามารถทำการออมหุ้นได้แล้วเพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้ ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าคนจนเล่นหวยคนรวยเล่นหุ้นนั้นไม่เป็นจริงแล้วนะครับ คนที่ไม่ได้รวยก็สามารถลงทุนได้หุ้นได้เช่นเดียวกัน ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรมากมายอีกต่อไป ใครต้องจะเล่นอะไรก็เล่นได้ จะเล่นหวยก็ไปเล่นแต่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นดีกว่า และคุณไม่จำเป็นต้องรวยก่อนถึงเข้ามาในตลาดเป็นคนที่มีฐานะปานกลางก็พอลงทุนได้ครับ
2. ตลาดหุ้นคือบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมาย
ข้อนี้ผมขอเถียงอย่างแรงครับ เนื่องจากนักพนันส่วนมากล้วนแล้วต้องใช้โชคเข้ามาเกี่ยวข้องในการเล่น บางครั้งมือขึ้นก็จะได้เงินกลับออกไป แต่ถ้าเกิดโชคไม่ดีก็จะเสียเงินให้กับบ่อนแทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วบ่อนการพนันเป็นสิ่งที่เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวถูกไหมครับ คราวนี้การเปรียบว่า ตลาดหลักทรัพย์นั้น เหมือนเป็นบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายนั้นค่อนข้างจะเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไปสักนิดนึง ความแตกต่างก็คือผู้เล่นในตลาดหุ้นนั้นมีโอกาสที่จะชนะได้ประสบความสำเร็จได้เท่าเทียมกันโดยสิ่งที่จะแยกผู้ชนะออกมาจากผู้แพ้ก็คือ “ความรู้” ซึ่งจะทำให้เราเข้าไปในตลาดด้วยทัศนคติที่แตกต่างจากการเป็นนักพนัน
ความรู้นั้นมีอยู่ 3 ประการก็คือ 1.ความรู้ในเรื่องของว่าอะไรคือการลงทุนอะไรไม่ใช่ 2. ความรู้ในเรื่องของผลิตภัณฑ์การลงทุนและอันดับ 3 คือความรู้ในการทำกำไรจากการลงทุนนั้น แน่นอนครับถ้าท่านเข้าไปในตลาดหุ้นด้วยสมองที่ว่างเปล่าไม่มีความรู้อะไร มีโอกาสครับที่จะต้องขาดทุนและบาดเจ็บออกมา ซึ่งเขาเหล่านั้นที่ประสบความล้มเหลว จึงได้ออกมาสรุปว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นก็คือเปรียบกับการเป็นบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายซึ่งเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง
3. เราต้องเป็นคนฉลาดถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดกับการประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้นมีน้อยมาก เซอร์ไอแซก นิวตัน คุณคิดว่าฉลาดหรือไม่? ผมว่าเข้าขั้นอัจฉริยะเลยถูกไหมครับ ท่านค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง แล้วก็ประสบความสำเร็จทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างมาก อย่างไรก็ดี เมื่อท่านมาลงทุนก็ได้ประสบกับการขาดทุนอย่างหนักในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยลงทุนบริษัทเซ้าท์ซี ได้กำไรมาในครั้งแรก จึงได้ใจและไปลงทุนเพิ่มขึ้น ปรากฏว่าติดดอยทำให้สูญเสียเงินประมาณ 200 ล้านบาท หากเทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบัน
วอร์เรน บัฟเฟต นักลงทุนอันดับ 1 ของโลก กล่าวว่าถ้าคุณมีระดับไอคิว เกิน 125 ไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการลงทุนแล้ว อัจฉริยะไปก็เท่านั้น เอาจริงๆ คือ เป็นคนธรรมดานี่แหละ พอ! ขอให้อ่านออกเขียนได้ บวกลบคูณหารได้ จบมัธยมถึงปริญญาตรีผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐานมา ก็เพียงพอแล้ว ในการที่จะศึกษาเรื่องการลงทุนและลงมือปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จได้
“หลายๆท่านที่ผมรู้จักที่เป็นเศรษฐีหุ้นก็เป็นเด็กหลังห้อง ไม่ได้เรียนเก่งหรือว่าได้เกียรตินิยม แต่ว่าในชีวิตจริงการลงทุนอย่างเขาก็ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี”
จะเห็นได้ว่า 3 ข้อของความเชื่อผิด ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายทัศนคติที่ดีของเราในการที่จะเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น กลายเป็นอุปสรรคในขั้นแรกของหลาย ๆ คน สิ่งที่ต้องเปลี่ยน คือ อย่าปล่อยให้ความความคิดเหล่านั้นมาครอบงำ ให้ลองเข้ามา ด้วยความรู้ที่ถูกต้อง ระมัดระวัง แต่อย่าไปกลัวจนเกินไป เพียงเพราะคนนู้นพูดอย่างนั้นคนนี้พูดอย่างนี้ ซึ่งล้วนเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลของผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้น ให้มาลองดูศึกษาการลงทุนก่อน เริ่มเรียนรู้แบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป จากจำนวนเงินลงทุนน้อย ๆ ก่อนก็ได้ แล้วจะพบว่าไม่ได้น่ากลัว หรือ ยากเกินความสามารถของเราครับ
Leave A Comment