ผมเริ่มเอะใจมาสักพักแล้วว่าเทคนิคอล ( Technical Analysis ) นั้นไม่เพียงแค่นำประยุกต์ใช้กับการวิเคราะห์หลักทรัพย์เท่านั้น จากการศึกษาและการสังเกตส่วนตัว ผมคิดว่าแก่นหลักเทคนิคอลนั้น คือ ธรรมชาติ คือ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไม่อยู่นิ่ง มีลักษณะเป็นคลื่น เป็นรอบ เป็นแนวโน้ม มีแนวโน้มขาขึ้น ก็ต้องมีช่วงพัก จะขึ้นต่อหรือกลับตัวก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานและสภาพแวดล้อม หากเปรียบกับหุ้นก็คือสถานะผลประกอบการและสภาพตลาด ถ้าบริษัททำกำไรได้ดี แต่สภาพแวดล้อมไม่อำนวย เพราะเป็นรอบขาลงของสภาวะเศรษฐกิจ ราคาก็ไปไหนไม่ได้ ตรงนี้เราสามารถใช้เทคนิคอลช่วยประเมินได้ ก็สอนมาเยอะแล้วเนอะในเพจนี้

เอาล่ะแต่วันนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอพูดเรื่องพัฒนาตนเองซักนิด หากคุณเข้าใจเทคนิคอลแล้ว คุณก็จะเข้าใจชีวิต ทำไมล่ะ เพราะว่าชีวิตเราก็มีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความมั่งคั่ง ร่ำรวย รายได้ สุขภาพ ความสัมพันธ์ จนไปถึงระดับจิตวิญญาณ หากนำมาพล็อตเป็นกราฟ ทุกอย่างเคลื่อนที่เป็นคลื่น มีขึ้น มีย่อ พักตัว กลับตัว เปลี่ยนแนวโน้ม ลองสังเกตดู เอาที่หลายคนสนใจก่อนเลย คือ ความรวย ความมั่งคั่งจะวัดด้วยรายได้ เงินเดือน ทรัพย์สิน หนี้สิน(ไม่มี) ถ้าเทียบกับราคาหุ้น ควรเป็นแนวโน้มขาขึ้นใช่ไหมครับ ถูกต้องแต่เมื่อจับหลักเทคนิคแล้ว ถึงขึ้นก็ต้องมีพัก ต้องมีออก Sideway คนที่เป็นขาขึ้นอยู่แล้วก็จงพยายามรักษาแนวโน้มนี้ให้ได้ อย่างไร? ก็อย่าให้หลุด Swing Low ก่อนหน้านั่นเอง ปัจจัยพื้นฐานที่อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นของความมั่งคั่งกลับตัว หรือหลุดแนวรับ ก็อาจจะเป็นการก่อหนี้ที่ไม่ดีเพิ่มขึ้น การขาดรายได้เช่น โดนให้ออกจากงาน ต้องใช้เงินเร่งด่วนเพื่อรักษาโรค เป็นต้น อย่าคิดว่าเทรนด์ขาขึ้น หรือ แม้แต่ Sideway จะไม่มีโอกาสเปลี่ยนเป็นขาลงเด็ดขาด เพราะไม่มีอะไรแน่นอนครับ หากแก่ตัวลง ไม่มีแรงทำงาน ลืมเก็บเงินและลงทุนไว้ก็อาจจะพลาดได้

ส่วนต่อมาสำคัญ สำหรับผู้ที่อาจจะผิดพลาดมา ปล่อยให้ด้านใดด้านหนึ่งของชีวิตเป็นเทรนด์ขาลงมา ขาลงจะอยู่ตลอดไปครับ หากเราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน ถ้าการเงินเป็นขาลง ต้องหาสาเหตุแล้ว อาจเป็นที่นิสัยการใช้เงิน การใช้ของฟุ่มเฟือยเกินรายรับ หรือ การพนัน เป็นต้น ดังนั้นจะต้องปรับสิ่งเหล่านี้ เช่น หารายได้เสริม (ยุคสมัยนี้ทำง่ายมาก) งดใช้บัตรเครดิตเกินตัว ไม่ต้องซื้อ gadget ทุกครั้งที่มันออกใหม่ เลิกทานกาแฟหรือชานมไข่มุกแพง ๆ เก็บเงินและแบ่งมาลงทุน ครับ

แน่นอนการดัดพฤติกรรมเหล่านี้จะไม่ทำให้กราฟชีวิตนั้นกลับตัวและพุ่งขึ้นอย่างทันทีหรอกครับ ลองสังเกตรูปแบบราคา Inverted Head and Shoulders ดู พอเริ่มปรับก็จะดีดขึ้น แต่อาจมีช่วงที่พลาดอีกลงไปลึกกว่าเดิม แล้วไม่ไหวแล้ว ฮึดอีกทีจนทำไหล่ขวาและเบรคแนวต้านขึ้นมาแหละครับ ตรงนี้ต้องใช้พลังมหาศาล เปรียบกับหุ้นก็คือต้องมีปริมาณการซื้อขายที่มากพอนั่นเอง

อีกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรง คือ น้ำหนักตัว คนทุกสมัยหมกมุ่นกับตัวเลข น้ำหนักและไม่อยากอ้วนทุกคน ใครก็อยากดูดีใช่ไหม? แต่ทำอย่างไรถ้ามาพล๊อตแล้วดันเป็นขาขึ้นตลอด จนมีวันนึงที่ทะลุ high เดิมนั่นล่ะครับ หลายท่านจะเกิดอาการที่ว่า กูไม่ไหวแล้ว ทางออกในการหยุดขาขึ้นก็รู้ ๆ กันอยู่ กินของดี ไม่กินของทอด น้ำอัดลม ออกกำลังกาย ก็เท่านั้น แต่สิ่งที่ยากคือ การทำให้เป็นนิสัย 80% ของผู้ที่ลดได้แล้วกลับมาที่น้ำหนักเดิมหรือสูงกว่า เพราะว่าลดเร็วเกินไป เป็นการเปลี่ยนพื้นฐานแบบไม่ยั่งยืน เหมือนกราฟที่สวิงเยอะและมีความผันผวนผิดปกตินั่นเอง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ นำไปประยุกต์ใช้ได้เลยกับทุก ๆ มุมของชีวิต ความมั่งมี รายได้ สุขภาพ ความสัมพันธ์ ควรเป็นแนวโน้มขาขึ้น น้ำหนักตัว หนี้สิน ความไม่สบายใจ ควรเป็นแนวโน้มขาลง ใครที่ชีวิตที่ติดกรอบ Sideway อยู่ ถ้าพอเพียงตรงนี้ก็โอเค แต่หากต้องการยกระดับขึ้นไป ก็ต้องผลักดันตัวเอง สร้างนิสัยที่ดีที่ส่งเสริม และแรงกายแรงใจเพื่อทะลุแนวต้านขึ้นไปให้ได้

ในโอกาสวันปีใหม่ 2562 นี้
ผมขอให้ทุกท่านที่ติดตาม

ร่ำรวย สำเร็จ มั่งมี
ครอบครัวสุขขี ชีวิตดี๊ดี
ทะลุผ่านทุกแนวต้าน
ตลอดปีเลยครับ