จากที่เคยโพสต์ 5 ข้อดีกว่าของการใช้ปัจจัยเทคนิค เมื่อเทียบกับการใช้ปัจจัยพื้นฐาน เราลองมาดูหลักฐานเชิงประจักษ์กันบ้าง หากท่านจะใช้บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ฟังข่าวดี หรือ อ่านคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ แล้วทำการซื้อหุ้นโดยไม่ดูกราฟเลย ท่านต้องคิดให้ดีครับ ผมไม่ได้ห้ามแต่นี่คือข้อเท็จจริง เรามาดูกรณีศึกษาหุ้น AMATA กัน

ราคาหุ้น AMATA ปรับตัวลดลง 15% ในช่วง 2 สัปดาห์ ครึ่งหลังของเดือน พฤศจิกายน 62 ถือว่าเป็นหุ้นที่มีโบรคเกอร์เชียร์จำนวนมากโดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ย 28 บาท เคยขึ้นไปถึง 30 บาท (IAA Concensus) มีข่าวดีปัจจัยบวก กูรูแนะนำ ที่คัดมาบางส่วนเท่านั้นดังนี้ ไม่ขอบอกแหล่งนะครับ ท่านหาเองได้ไม่ยาก

15 พ.ย. ในระยะสั้นเราคาดว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากผลการดำเนินงานใน Q3/62 ที่สูงกว่าคาดมาก ราคาหุ้น 24.70
15 พ.ย. กำไร 3Q19 ดีกว่าคาดมากจากยอดโอนที่ดิน ราคาหุ้น 24.70
22 พ.ย. นักวิเคราะห์ชูหุ้น “กลุ่มนิคมฯ” หลุมหลบภัยท่ามกลาง ความเสี่ยงสงครามการค้า ราคาหุ้นลดลงมาแล้ว ปิด 23.60
28 พ.ย. บริษัทมั่นใจว่าปีนี้จะทำกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน วันนี้ราคาร่วงลงมา 6%
29 พ.ย. โบรคเกอร์แห่งหนึ่งได้มีการปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้น AMATA เป็นถือ จากเดิม ซื้อ โดยให้ ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 23.50 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 30 บาทต่อหุ้น หลังจากราคาลงมาแล้ว 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ( เพื่อ??????)
29 พ.ย. AMATA รับยอดขายปี62 หลุดเป้า 950 ไร่ เหลือ 700 ไร่ หลัง 9 เดือนทำได้เพียง 526 ไร่ (เฉลยแล้ว)

แต่ถ้าหากท่านเคยศึกษาเรื่องเทคนิคมาบ้าง ดูกราฟพอเห็นสามารถมองปร๊าดเดียว น่าจะทราบเลยว่านี่คือ หนึ่งในชาร์ตแพทเทิร์นกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงตัวแม่ที่เรียกว่า Head & Shoulders ซึ่งเมื่อราคาเบรคทะลุปิดต่ำกว่าเส้น Neck Line (เส้นสีส้ม) นั่นคือ สัญญาณขายทางเทคนิค จะขายตัดขาดทุน หรือ ทำการ Short หุ้นลงมาก็แล้วแต่ความถนัด มันเกิดขึ้นในวันที่ 22 พ.ย. วันที่ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานชูหุ้น กลุ่มนิคม เป็นหลุมหลบภัยนั่นล่ะครับ แต่สงสัยหลุมนี้จะโดนระเบิดลงพอดี ราคาดีดกลับไปที่เส้น Neck Line และปรับตัวลงรวดเดียว 3 วัน 13.4%

หลังจากนั้นโบรคเกอร์หลายสำนักเริ่มออกมาปรับประมาณการณ์กันจ้าล่ะหวั่น อืม…แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นล่ะใครจะรับผิดชอบ คงไม่มีใช่ไหม? นี่คืออีกหนึ่งหลักฐานว่าปัจจัยพื้นฐานถึงแม้จะดูดีจริง ข่าวดีประดังประเด ประมาณการณ์ออกมาดี นักวิเคราะห์เชียร์ ราคาหุ้นไม่จำเป็นที่จะต้องสะท้อนออกมาในทิศทางเดียวกัน นี่คือสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังให้ดี อาจมีข้อโต้แย้งว่าในระยะยาวแล้วราคาจะไปถึงเป้าหมายแน่นอนในอนาคต ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้จริงไหม และ ท่านจะต้องมีฐานทุน เท่าไหร่ ทนขาดทุนได้เท่าไหร่ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย ใช่ว่าทุกคนจะมีทุนไม่จำกัด จะติดหุ้นนานแค่ไหนก็ได้ ดังนั้นการดูกราฟศึกษาเทคนิคอลไว้เป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ

เอาล่ะเดี๋ยวจะหาว่าผมเห็นกราฟเฉลยแล้วจึงมาพูด ตัวนี้ได้ทำการ Put เอาไว้ตามสัญญาณทางเทคนิคและขายทำกำไรไปบางส่วนแล้ว