Elliott wave เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์การเทรด แต่ต้องตั้งสติให้ดีว่าเราจะนับไปเพื่ออะไร? แน่นอนว่าเพื่อสร้างกำไรในการเทรด ดังนั้นถ้าหลงประเด็นจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ผมได้รวบรวมมา 7 ข้อดังนี้
1. คลื่น 4 ลงมาในเขตของคลื่น 1 ไม่ใช่ Impulse
นี่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดสำหรับการนับคลื่นของมือใหม่ จากประสบการณ์ที่ลูกศิษย์ส่งการบ้านมาให้ตรวจ สำหรับคลื่นส่ง Impulse ความยาวของคลื่น 3 จะไม่สั้นที่สุดและส่วนใหญ่จะยาวที่สุดในชุดคลื่น ดังนั้นการปรับย่อตัวของคลื่น 4 ถ้าย้อยลงมาลึกขนาด คืนกำไรของคลื่น 3 ไปมากและเริ่มเข้าอาณาบริเวณของคลื่น 1 แล้ว ความเป็น Impulse จะไม่ใช่แล้ว จะเป็นลักษณะอื่นเช่น ยังเป็นคลื่น Motive อยู่แต่เป็นลักษณะของ Diagonal แทน หรือ ไม่ใช่ Motive เลย เช่น กลายเป็น Corrective แบบ Triangle ก็เป็นได้ จำไว้ครับ แก้ข้อนี้ได้ นับถูกกว่า 99% แล้ว
2.มอง Bias ขาขึ้นเพียงอย่างเดียว
ในอดีตตลาดยังไม่พัฒนาทางด้านผลิตภัณฑ์การเทรดมากนัก การวิเคราะห์จะมีอคติฝั่งขาขึ้นเป็นหลัก (Long Bias) เพราะตลาดหุ้นนั้นขึ้นมาตลอด จากปัจจัยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าขาย และ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ตำราทฤษฎีทางเทคนิคต่าง ๆ จะเขียนเป็นเชิงขาขึ้น แต่ในยุคปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์การเทรดมีหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะที่ใช้เก็งกำไร ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ ฟิวเจอร์ส DW มีลักษณะเฉพาะคือเล่นได้ทั้ง 2 ทางคือ ขาขึ้นและขาลง เมื่อเทรดเดอร์ที่มาจากตลาดหุ้น จะติดในการมโนขาขึ้นมาด้วย พอเข้ามาเทรดในตลาดที่เล่นได้ทั้ง 2 ขา จะต้องจูนสมองและฝึกให้ดูได้ทั้งขึ้นทั้งลงด้วย
3.นับถอยหลังไกลเกินไป
พอเริ่มเข้าใจทฤษฎีคลื่น ชักเริ่มสนุก นับกันข้ามวันข้ามคืน ย้อนหลังไปไกลเป็น 5 ปี 10 ปี ทำไมรู้ไหม? เพราะมันนับง่ายไงเวลานับย้อนหลัง 5555…. หากท่านเป็นนักวิจัย หรืออยู่ฝ่ายวิจัยในบริษัทโบรคเกอร์ ก็ทำไปเถอะครับ แต่ถ้าท่านเป็นเทรดเดอร์นักเก็งกำไร นับย้อนหลังไป 1 ปี ก็มากเกินพอแล้ว ในการตั้ง Set Up เทรด เชื่อผม ผมเป็นมาแล้ว นับไปนับมาระวังจะกลายเป็นบ้านะครับ
4.ซูมเข้าไปในดีกรีย่อยลึกเกิน
คล้าย ๆ กับข้อ 3 ตามตำราเอลเลียตเวฟ เขาบอกมาว่ามี 15 ดีกรี Super Cycle, Grand Cycle, Cycle, Primary… เรียกว่าเป็นคนชอบแกะ แกะตั้งแต่ Time Frame Month ยัน 5 วินาที มันก็ทำได้ แต่ค่อนข้างเสียเวลาชีวิต แนะนำให้นับไม่เกิน 3 ดีกรีก็สามารถหาเงินได้แล้วครับ ดีกรีเล็ก กลาง ใหญ่ เอาเข้าจริง ๆ เวลาเทรดผมนับ 2 ดีกรี คือ เล็ก กับ ใหญ่ จบ ถ้าเป็น TF ก็ W1, D1, H4 หรือ D1, H4, H1
5.กลัวจะนับไม่เหมือนคนอื่น
ปกติเป็นคนชอบอุปทานหมู่ มีพวกเยอะ ๆ แล้วจะมั่นใจ นับของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ ต้องไปเช็คกับของคนอื่น ว่าตรงกันหรือไม่ บอกได้เลยแม้ทฤษฎีคลื่น Elliott จะมีกฎกำกับมากมาย แต่การมองตลาดและการระบุคลื่นของเทรดเดอร์และคนยากที่จะเหมือนกัน 100% พอไปเช็คกับของคนอื่น แทนที่จะมั่นใจจะกลายเป็นจิตตกซะอย่างงั้น ต้องฝึกฝนบ่อย ๆ แล้วจะมั่นใจเองครับ
6.นับแต่เวฟอย่างเดียว แต่ไม่ดูอย่างอื่น
แม้ว่า Elliott Wave จะค่อนข้างแม่นยำ เราจะเทรดโดยไม่ดูตาม้าตาเรือไม่ได้ ไม่ใช้ตัวช่วยอื่น ๆ เลย ควรต้องใช้ความรู้ทางด้านอื่น ๆ มาช่วยด้วย เช่น Price Action การดูระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ รูปแบบแท่งเทียนที่เหมาะสม เช่น กะว่าจะจบการพักตัวแล้ว ตามระดับ Fibo น่าจะซื้อขึ้นไปได้ แต่ แท่งเทียนล่าสุดเป็นแท่งดำยาว ติดลบมา 5% ตามหลัก Price Action ก็ไม่ควรจะเข้าซื้อถูกไหม?
7.นับเสร็จแต่ไม่กล้าเทรด หรือหา Trade Setup ไม่เจอ
ข้อนี้เกี่ยวกับจิตวิทยาการเทรด นับเป็นนับเก่งมาก แต่หาจังหวะเข้าไปไม่เป็น ก็ไม่เกิดประโยชน์กับสายเทรด บางทีรู้ทั้งรู้แต่ไม่กล้าเข้าก็มี เบื้องหลังมาจากจิตวิทยาก็เป็นได้ เขาเรียกว่า Recency Bias เป็นไปได้ ไม้ที่แล้วเข้าซื้อแล้วเพิ่งจะขาดทุนมา อันนี้ต้องปรับความคิดว่า สถานะที่เข้าติด ๆ กัน ไม่มีความเกี่ยงข้องกัน ผลการเทรดจะเป็นอิสระจากกันครับ
1. คลื่น 4 ลงมาในเขตของคลื่น 1 ไม่ใช่ Impulse
ถ้าไปดูตำราของ EW ของ Glenn Neely จะพูดถึงว่ายังเป็น IMPULSE Wave อยู่นะครับ แต่เป็นแบบ Terminal Imlulse ซึ่งทำให้เรารู้เป้าการขึ้นหรือลงได้ด้วย แบบนี้ อจ.ธนกรให้ความเห็นว่าอย่างไรครับ
จริง ๆ ก็คือ Diagonal แต่เขามาตั้งชื่อต่างกัน ตำราของ R.Prechter จะเป็น Motive แบ่งเป็น Impulse กับ Diagonal ดังนั้น แล้วแต่ตำราแล้วแต่จะเรียกขาน