elliott wave masterclass online course

 

Elliott Wave | 8 เหตุผลที่ Elliott Wave Principle (EWP) เหมาะกับผมมากกว่า Neo Wave

ในสายของการตีความ Elliott Wave จากต้นฉบับของ R.N. Elliott นั้นมี 2 สำนักหลัก ๆ ด้วยกัน คือ Elliott Wave Principle (EWP) ของ Elliott Wave International โดย Robert Prechter และ อีกแนวหนึ่งคือค่าย Neo Wave ของ Glenn Neely ผู้เขียนหนังสือ Mastering Elliott Wave

Jack Schwager ได้สรุปในตอนจบของซีรีส์หนังสือ The Market Wizards ว่า เทรดเดอร์ที่สำเร็จในระดับสูงนั้นล้วนมีเทคนิควิธีการเทรดที่หลากหลายและเฉพาะตัว แต่จะต้องเข้ากับบุคลิกภาพของตนเอง (Method that fits to traders’s personalities) ดังนั้นส่วนตัวของผมเริ่มศึกษาแนวทางของ EWP และใช้มางานมาโดยตลอด พบว่าแนวทางนี้มีความเหมาะสมกับ “นิสัย บุคลิกและแนวทางการเทรดของตัวเอง” มากกว่า Neo Wave และผมเชื่อว่าผู้ที่เริ่มต้นศึกษา Elliott Wave จึงควรเริ่มต้นรวมไปถึงยึดมั่นด้วยแนวทาง EWP ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. EWP นั้นง่ายกว่า Neo Wave

ผมชอบอะไรที่ง่าย ๆ ดังนั้น ไม่ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยุ่งยาก หนังสือ Mastering Elliott Wave อ่านยากเหลือเกิน หลายคนเลิกอ่านตั้งแต่บทที่ 3 ผู้นำแนวทางยังบอกเองว่าใช้เวลาเป็น 10 ปีถึงจะ Master ได้ และให้ข้ามบทที่ 3 ไปอ่านบทที่ 4 ได้เลย หนังสือของ Neo wave ทั้งเล่มแทบไม่มีชาร์ตจริงอธิบายประกอบ มีแต่เส้นสายกราฟฟิกให้ผู้อ่านใช้จินตนาการกันเอาเอง

ในขณะที่หนังสือค่าย Elliott Wave Principle สรุปค่อนข้างชัดเจน จัดระเบียบเนื้อหาได้ดี และมีตัวอย่างชาร์ตจริงประกอบ นอกจากนี้ยังออกหนังสือเกี่ยวกับแนวทางการเทรดมาอีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Elliott Wave Trading ซึ่งมีตัวอย่างการเทรดหน้างานประกอบมากมาย จุดนี้เหมาะกับผู้เริ่มต้นการศึกษามาก

2. Neo Wave กล่าวอ้างวิธีทางวิทยาศาสตร์ ?

Neo Wave กล่าวอ้างว่าใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ แต่ในตำราแทบไม่ปรากฏตัวอย่างการนับจริง ๆ เลย แล้ววิธีทางวิทยาศาสตร์คืออะไร? อย่างน้อย ๆ ควรมี ข้อมูลสถิติ มีการตั้งและทดสอบสมมุติฐาน ช่วงเวลาและกลุ่มตัวอย่างที่ทำการทดสอบ ใช่หรือไม่ แต่นี่ไม่มีเลย

อ้าวแล้วถามว่าฝั่ง EWP ก็ไม่มีนี่ ก็ EWP ไม่ได้กล่าวอ้างการทดสอบทางวิทยาศาสตร์อะไร

3. EWP ยืดหยุ่นกว่า Neo Wave

ข้อนี้สำหรับผมสำคัญที่สุด เพราะ EWP จะแยกกฎและข้อชี้แนะ (Rules & Guidelines) ออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่า นับง่ายและเอาไปเทรดง่ายกว่า ในขณะที่ Neo Wave มีแต่กฎมาจับมากมายโดยเฉพาะเรื่องของ Fibonacci รวมถึงการใช้เวลาของแต่ละคลื่น ผู้ที่ใช้งานจะต้องแม่นยำมาก ๆ

ความไม่ยืดหยุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มุมมองของผู้ที่สนใจ Elliott Wave ทั่วไป มอง Elliott Wave โดยรวมผิด ๆ แล้วกล่าวขานกันว่าเป็นเรื่องยากเหนือมนุษย์และไม่ยอมศึกษาไปเลย ซึ่งน่าเสียดาย

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เกี่ยวกับการย่อของคลื่น 2 ใน Impulse Wave กฎ EWP บอกย่อไปอย่าให้เกินจุดเริ่มต้นของ 1 เท่านั้นละ ส่วนใหญ่จะย่อประมาณ 61.8% ซึ่งตรงระดับนี้เป็นแค่ข้อชี้แนะ (Guidelines) มันย่อลึกกว่านี้ก็ได้ ไป 78.6% ไป 88.6% ก็ยังได้ แต่อย่าเลยจุดสตาร์ตของคลื่น 1 นะ ก็ยังเป็นคลื่น 2 ของ Impulse Wave อยู่

ในขณะเรื่องเดียวกัน Neo Wave บอกคลื่น 2 ต้องห้ามเกิน 61.8% คำว่าห้ามก็คือ กฎนั่นละ เท่านั้นจบเลย ค่อนข้างมีข้อจำกัด

ตามภาพด้านล่าง หุ้น CBG คลื่น 2 ของ Impulse ย่อลึกข้าม 61.8% ปลื้นไป 88.6% ชัดเจน ตาม EWP ถือว่า OK แต่ Neo Wave บอกไม่ ไม่ใช่คลื่น 2 ของ Impulse เพราะย่อเกิน 61.8% แล้ว Neo Wave เขาจะไปนับอย่างไร จะบอกว่าการเคลื่อนที่ 5 คลื่นนี้ไม่ใช่ Impulse Wave แต่เป็นการ Correct จากราคา 28 บาท ขึ้นไป 104 บาท 3 เด้งกว่า ๆ อืม???

4. EWP ง่ายในทางปฏิบัติมากกว่า Neo Wave

การใช้งาน Neo Wave ให้สมบูรณ์แบบจริง ๆ เจ้าสำนักบอกต้องแปลงข้อมูลราคามาดูกราฟในโปรแกรม Excel เรียกว่า Wave Charts ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก เสียเวลา! ในขณะที่ EWP จะดูชาร์ตแบบไหนก็ได้

5. Neo Wave กับคลื่นที่ผิดสัดส่วน

มีความพยายามอธิบายการปรับ ในแบบ Small x Wave ที่ดูยังไงก็แปลก ๆ คลื่น x ที่ผิดสัดส่วน (The Right Look) อย่างรุนแรง (*note ตรงนี้ส่วนตัวจบสถาปัตย์จะมองอะไรค่อนข้างเป็นสัดส่วน ผมอาจยึดติดตรงข้อนี้ครับ)

6. แพทเทิร์นใหม่ ๆ ของ Neo Wave ที่เริ่มออกทะเล

ด้วยความไม่ยืดหยุ่นของ
Neo Wave ที่สร้างกับดักให้ตัวเองจนทำให้ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์หน้างานในบางรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นได้ (แต่ EWP นับได้สบาย ๆ) ทำให้ผู้นำสำนักต้องออกแพทเทิร์นใหม่ ๆ เช่น Neutral Triangle เป็นสามเหลี่ยมที่คลื่น C ทะลุย้วยลงไปแบบลึกมากที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่สามเหลี่ยม หรือ Diametric Pattern ที่มี 7 คลื่นต่อกัน

7. Neo Wave ยึดติดกับความแม่นและการทำนายอนาคต

“ถ้าคุณคิดว่ารู้และทำนายอนาคตได้แม่นยำ

แนะนำให้ไปเป็นหมอดูมากกว่าเป็นเทรดเดอร์

คุณจะทำเงินได้มากกว่า” – ไม่มีใครกล่าวไว้ ผมกล่าวเอง

เพราะผมเชื่ออย่างนั้น

ดังนั้นผมไม่ตื่นเต้น เออออห่อหมกกับคนที่บอกว่า ทำนายอนาคตได้จาก Neo Wave หรอกครับ


Elliott Wave นั้นเป็นการสังเกตรูปแบบในอดีตและให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับที่สำคัญกับเราให้เห็นภาพโครงสร้างราคาได้เท่านั้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว

ผู้นำสาย Neo Wave คุยโม้โอ้อวดอย่างเดียว คือ ความแม่นยำ ในการทำนายจากตัวอย่างเดียวคือ S&P 500 ที่มองขึ้นมาโดยตลอด 30 ปี ในขณะที่ผู้ที่ติดตาม Service (แน่นอนเขาขายบริการทำนายตลาดของเขาด้วย) กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป

8. EWP สามารถใช้เทรดได้ทุกกรอบเวลา เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มากกว่าการนับเวฟเพื่อวิจัย

เมื่อคุณเรียนรู้และเข้าใจเรื่อง Wave Function ของ EWP มันจะปลดล๊อกความคิดว่าเราจะนับเวฟไปเพื่ออะไร แน่นอน ผมนับเวฟเพื่อการเทรด ไม่ใช่การทำนายอนาคต เรื่อง Wave Function นี้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่าง ทฤษฎี Elliott Wave กับการประยุกต์ใช้หน้างาน ผมพบว่าเราจะสามารถเทรดได้ทุกช่วงเวลา ทุก TF ในสภาพตลาดแบบไหนก็ได้ เมื่อรู้ว่าคลื่นที่กำลังดำเนินอยู่นั้นมี Function แบบไหน จะเทรด Short ในแนวโน้มข้าขึ้นก็ได้ หรือ Long ระหว่างแนวโน้มขาลงก็ไม่มีปัญหา ในขณะที่ฝั่ง Neo Wave ไม่มีเรื่องนี้ครับ

เขียนมาถึงจุดนี้ หากใครคิดว่า Neo wave ยังเหมาะกับการใช้เทรดของคุณ มันไม่ใช่ปัญหา คงต้องลองพิจารณาแล้วพิสูจน์กันเอาเอง แต่สำหรับผมขอผ่านครับ ขอใช้แนวทาง EWP ต่อ