หากยังจำกันได้ กลางปี 2019 ละครฮิตติดกระแสคงไม่ต้องบอกก็คือ กลิ่นกาสะลอง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคู่แฝดสาวชาวเหนือที่พบรักกับคุณหมอหนุ่ม แฝดคนน้อง “ซ้องปีบ” นิสัยไม่ดีแต่มีจังหวะและเทคนิคที่ดีจึงสามารถหลอกล่อคุณหมอหนุ่มและได้แต่งงานในที่สุด ในขณะที่แฝดพี่ “กาสะลอง” นางเอกของเรา มีพื้นฐานจิตใจที่ดี มีความน่ารัก แตกต่างกันสุดขั้วกับคนแรก แต่ทว่ากลับพ่ายแพ้ลีลาและเล่ห์เหลี่ยมของซ้องปีบอย่างสิ้นเชิง จังหวะเวลาและเทคนิคนั้นมิอาจเทียบได้ ส่งผลถึงกับชีวิต กว่าจะได้กลับมาเจอกับพระเอกอีกครั้ง ก็ใช้เวลาข้ามภพข้ามชาติซึ่งใช้เวลาพอสมควร จะเห็นได้ว่าไม่ใช่คนดีที่มีพื้นฐานจิตใจดีจะสามารถประสบความสำเร็จในความรักได้ถ้าปราศจากเทคนิควิธีที่ดี เช่นเดียวกันครับ ในแง่ของการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หุ้นมีทั้งหมดหลายร้อยตัว แต่เงินทุนของเรามีจำกัด การที่จะประสบความสำเร็จได้ผลตอบแทนที่คาดหวังหรือเอาชนะตลาดได้ จะต้องมีการคัดเลือกหุ้นอยากลงตัว และเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของท่าน

หุ้นพื้นฐานดี หมายถึง หุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยทางด้านมหภาคเกื้อหนุน บริษัททำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ มีราคาเมื่อเทียบกับผลกำไร (P/E) อยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน มีการกู้หนี้ยืมสินน้อยเมื่อเทียบกับส่วนทุน

สำหรับ หุ้นพื้นฐานไม่ดี คือ บริษัทที่ขาดทุนอย่างสม่ำเสมอ อาจมีกำไรบ้าง บางปีก็ขาดทุน กำไรที่มาบางครั้งก็มาจากวิธีที่พิเศษเช่นการขายสินทรัพย์ มีการสร้างหนี้อยู่เป็นประจำและมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้นไปมาก

หุ้นที่มีเทคนิคเยี่ยม ได้แก่ หุ้นที่กำลังจะเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นหรือราคาวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน วิธีสังเกตง่ายๆคือ ทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าจุดสูงสุดเดิม และทำจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าจุดต่ำสุดเดิม ในขณะที่หุ้นเทคนิคแย่ อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่องกล่าวคือทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าไปเรื่อย ๆ ยังไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมได้ ไม่มีวี่แววที่จะกลับตัวมาเป็นแนวโน้มขาขึ้น


มื่อนำหุ้นพื้นฐานดี/ไม่ดี เทคนิคเยี่ยม/แย่ มาจับเข้าคู่กัน สามารถจัดเป็นประเภทได้ 4 ประเภทดังนี้

หุ้นพื้นฐานดีแต่เทคนิคแย่ (หุ้นกาสะลอง): ในทางปัจจัยพื้นฐานมีหุ้นที่ดี ๆ หลายตัวในตลาด แต่จังหวะเวลาอาจจะยังไม่ใช่ ยังไม่มีผู้ที่สนใจอย่างเพียงพอ บางครั้งขาดสภาพคล่อง ที่จะขับเคลื่อนราคาขึ้นไป หากมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน ท่านนักลงทุนสไตล์วีไอ ( Value Investment ) ที่ไม่สนใจเรื่องจังหวะเวลา ให้ความสำคัญทางด้านมูลค่าหุ้นเพียงอย่างเดียว ก็อาจจะเข้าไปเก็บหุ้นไว้ หากมีส่วนต่างราคากับราคาเหมาะสมที่เพียงพอ

หุ้นพื้นฐานดีและเทคนิคเยี่ยม (กาสะลองที่พัฒนาแล้ว): หุ้นของบริษัทเหล่านี้จะมีพื้นฐานการทำกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่จังหวะเวลาที่เหมาะสมจะมีผู้สนใจในการซื้อหุ้นและเกิดการผลักดันราคาให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ข้อควรระวัง คือ บางครั้งเกิดการไล่ราคาจนราคาสูงมากเกินไปทำให้กำไรเติบโตตามไม่ทัน 2. เชื่อใจและมั่นใจในบริษัทจนมากเกินไปจนไม่ระมัดระวังตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยพื้นฐานดีแค่ไหนก็มีโอกาสที่จะมีเหตุการณ์เข้ามากระทบและทำให้พื้นฐานนั้นเปลี่ยนได้ ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมธนาคาร ซึ่งแต่ก่อนใคร ๆ ก็คิดว่าต้องเป็นหุ้นพื้นฐานที่ดีมีความมั่นคงทำกำไรได้สม่ำเสมอแต่หลังจากที่มีการแข่งขันสูง มีการยกเลิกค่าธรรมเนียมไปเลย คนหันมาใช้ Internet Banking กันมากขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายที่ด้านพนักงานและสาขาต่าง ๆ เริ่ม เป็นตัวถ่วง ธนาคารจึงต้องปรับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลดสาขา ลดพนักงานหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ตั้งหน่วยงานที่รองรับทางด้านบล็อกเชน หรือ ส่งเสริมด้าน Startup เพิ่มรายได้ทางด้านอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งท่านก็ต้องพิจารณาครับว่า ธนาคารที่ท่านสนใจมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงได้ดีเพียงใด พื้นฐานเปลี่ยนและจะยั่งยืนหรือไม่?

หุ้นพื้นฐานไม่ดีแต่เทคนิคเยี่ยม (หุ้นซ้องปีบ) ผมว่าตรงนี้สำหรับนักเก็งกำไรที่มีความแม่นยำและเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคอล ยังสามารถเทรดได้อยู่ แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าราคานั้นอาจจะกลับตัวลงมาและลงมาอย่างรุนแรง จนคุณต้องร้องขอชีวิต เพราะการขึ้นของราคานั้นไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ บ่อยครั้งเกิดจากข่าวลือข่าวลวง และความหวังที่จะเป็นหุ้นTurn Around เปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไร เพราะฉะนั้นอยากจะทำกำไรจากหุ้นลักษณะนี้ จะต้องมีความสามารถพอสมควร การวางแผนต้องเฉียบคม และมีวินัย อย่าหวังถือยาว ไม่งั้นจะเหมือนคุณหมอที่ต้องแต่งงานผิดคน เสียใจจนชาติหน้า

หุ้นพื้นฐานไม่ดีเทคนิคก็แย่
คงได้แต่ภาวนาว่าทุกคนคงไม่หลงเข้าไปลงทุนในหุ้นประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวหรือการเก็งกำไรเพราะว่าหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนไม่ว่าจะเป็นทางด้านปัจจัยพื้นฐานที่ไม่ดี ปัจจัยเทคนิคที่แย่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ที่หลงเข้าไปลงทุนในบริษัทแบบนี้จนได้ สาเหตุเนื่องจากการไม่มีความรู้ในการลงทุน รวมทั้งไปเชื่อข่าวลือ เขาเล่า เขาว่าเขาบอกว่าพรุ่งนี้ราคาจะวิ่ง ทัศนคติที่ว่านี้เหมาะกับนักพนันเท่านั้น ถ้าท่านอยากเป็นนักลงทุน อย่าได้เข้าไปยุ่งเลยเชียว

ดังนั้นในแต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่แตกต่างออกไปยกเว้นประเภทสุดท้ายนะครับ ในประเภทแรกเป็นนักลงทุนวีไอ ประเภทที่ 2 เป็นนักลงทุนแนวทางเทคนิคและพื้นฐาน ผสมผสานกันได้ ก็น่าจะเป็นผลดีที่สุด ประเภทที่ 3 สำหรับนักเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับท่านแล้ว หากเปรียบท่านเป็นคุณหมอ จะเลือกแต่งงานกับคนไหน ในจังหวะเวลาเมื่อไหร่ ชาตินี้หรือชาติหน้า ? เป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจให้ดี จะต้องความรู้ความสามารถ รู้เท่าทัน ฉลาดในการวิเคราะห์จะช่วยให้ท่านลงทุนได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและ ที่สำคัญที่สุดเหมาะสมกับสไตล์ของท่านครับ