เอ๊ะ ทำไมเราวิเคราะห์ดีแล้วเชียวแต่เทรดมาตั้งนานยังไม่ค่อยกำไร พอร์ตยังติดลบอยู่ล่ะ พาลคิดไปว่า วิธีการวิเคราะห์นั้นผิดพลาด ทฤษฎีตามตำรานั้นใช้ไม่ได้จึงเฝ้าเสาะหาวิธีการ เทคนิควิธี ระบบใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล ท่านอาจจะต้องมานั่งทบทวนแล้วล่ะครับว่า จิ๊กซอว์ตัวไหนที่ขาดหายไปในสมการความสำเร็จของการเทรดหรือการลงทุนคืออะไร?

สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่เรามองข้ามไป นั่นคือ ทักษะการวิเคราะห์กับทักษะการเทรด มันเป็นคนละเรื่องกัน!!! ซึ่งนักเทรดที่จะรวยได้และเป็นคน 10% ของตลาดที่ทำกำไรสม่ำเสมอ จะมีส่วนผสมของทักษะที่สำคัญทั้งสองประการนี้อย่างลงตัว

การวิเคราะห์ เป็นความเก่งในการดูตลาด ( Master of The Market ) เป็นการสังเกตและตกผลึกความคิดโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในตลาด เพื่อแปลงผลออกมาเป็นแนวทางในการซื้อ ขาย ถือ ทางฝั่งพื้นฐานดูในเรื่องของผลประกอบการ กำไร พื้นฐานกิจการของบริษัท ความสามารถในการแข่งขันในอนาคต ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่วนด้านเทคนิคก็คือ การหาแนวโน้มราคา ดูทรงของกราฟรูปแบบราคา รูปแบบแท่งเทียน จนไปถึงการดูโครงสร้างราคาด้วยคลื่นเอลเลียต การวัดเป้าหมายกำไรด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยมีหลายสำนักสอนกันอยู่มากมาย มีตำราทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ

สกิลการวิเคราะห์นั้นเพิ่มได้โดยผ่านการเรียนรู้ทางด้านทฤษฎี ฝึกดูกราฟ อ่านงบ และทำงานที่เกี่ยวข้องจนมีประสบการณ์ได้ ผมคิดว่าส่วนนี้จะเก่งได้ด้วยการเรียนโดยตรงในสายการเงินการลงทุน การเข้าคอร์สสัมมนาการอ่าน  หรือใช้วิธีครูพักลักจำ อยู่ในสัดส่วนราว ๆ 60% และผ่านการฝึกฝนทำงานจนเชี่ยวชาญประมาณ40%

ในขณะที่ทักษะการเทรด นั้นเป็นการจัดการกับตนเอง ( Master of Self ) ประกอบไปด้วย การจัดการกับสภาวะจิตใจ การตระหนักรู้ ให้สามารถควบคุมอารมณ์ ความรู้สีก ความโลภ ความกลัว ความหวัง ขจัดอคติ มีความอดทน มีการตัดสินใจเฉียบคม มีวินัย เคร่งครัดกับการบริหารเงินลงทุน ทั้งนี้เพื่อทำให้เกิดข้อผิดพลาด(Trading Error)ให้น้อยที่สุด

ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างสอนกันยากนิดนึง ต้องอาศัยการฝึกฝนผ่านการลงมือทำส่วนใหญ่ราว 90% ลองนึกดูสิ ความมีวินัยจะเรียนรู้อย่างไร นอกจากเทรดแบบไม่มีวินัยแล้วโดนตลาดเล่นงาน ถูกไหมครับ? หรือ การจัดการกับความโลภ ความกลัว ในระหว่างการเทรด ตำราทางด้านจิตวิทยาการลงทุนของฝั่งตะวันตกหลายเล่ม ก็เริ่มหันเขาหาวิถีพุทธกันแล้ว ซึ่งเขาแนะนำให้ฝึกนั่งสมาธิ คนที่ไม่เคยฝึกสมาธิจะให้มาอ่านหนังสือวิธีการฝึกสมาธิอีกเป็นร้อยเล่ม ก็จะไม่สามารถเข้าใจและพัฒนาวิธีการควบคุมจิตได้เท่ากับคนที่ฝึกอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นในส่วนนี้จะต้องใช้เวลาในการค้นหาตนเองให้เจออยู่นานพอสมควร

หากนำทักษะทั้งสองมาจัดเป็น Matrix จะแบ่ง เทรดเดอร์ได้ เป็น 4 กลุ่ม

1.วิเคราะห์ได้ เทรดเป็น

เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นดีที่สุด พึ่งพาตนเองผ่านการศึกษาการวิเคราะห์มาอย่างเข้มข้น และมีประสบการณ์พร้อม พัฒนาทักษะการเทรดมาผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี ผลลัพธ์ตรงนี้คือพอร์ตต้องเติบโตและมีกำไรสม่ำเสมอ แต่ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด เนื่องจากตลาดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  จะต้องปรับตัวอยู่เสมอ

2.วิเคราะห์ได้ เทรดไม่เป็น

ดูงบ ดูกราฟ เก่งมาก แต่พอไปเทรดเอง ปรากฏว่าเจ๊ง  กลุ่มนี้อาจไม่รู้ตัว ดันไปพัฒนาแนวทางการวิเคราะห์เพิ่ม ไปเทคคอร์ส หาระบบเจ๋ง ๆ ล้ำ ๆ เสาะหาวิธีวิเคราะห์แบบใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด สิ่งที่ควรทำ คือ การเพิ่มทักษะการเทรดให้ดีขึ้นเพื่อก้าวขึ้นไปอีกระดับ

3.วิเคราะห์ไม่เป็น เทรดเป็น

ตรงนี้พออยู่ได้ จังหวะเข้าออกดีเยี่ยม ( Excellent Execution ) มีจิตใจมั่นคงระหว่างอยู่ในสถานะ จิตวิทยาโอเค การบริหารเงินบริหารพอร์ตเก่ง แต่มีความรู้ทางการวิเคราะห์ไม่มากนักกลุ่มนี้พึ่งพาบทวิเคราะห์จากโบรคเกอร์ หรือเล่นตามข่าวเป็นหลัก

4.วิเคราะห์ไม่เป็น เทรดไม่เป็น

ต้องพึ่งพาคนอื่นทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกหากรู้ตัวเอง ไม่ทะเล่อทะล่าเข้าไปซ่าในตลาดกลุ่มนี้คงต้องใช้บริการมืออาชีพเช่น บลจ. กองทุนต่าง ๆใช้ Robot หรือ AI มาช่วยในการลงทุน หากเปรียบเทียบก็เหมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่ใช่ว่าจะยืมใครก็ได้ ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจเพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายความเสี่ยง ผลตอบแทนที่คาดหวัง กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้  ในระหว่างนั้นก็พัฒนาความสามารถทั้งสองเพิ่มขึ้นก็ได้ถ้ามีเวลา

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ อยากให้เทรดเดอร์รู้จักเข้าใจตนเอง ว่าอยู่ตรงส่วนไหน?แยกแยะให้ออกว่าทักษะตัวไหนที่เราขาด ควรเสริมทางด้านใด แก้ปัญหาให้ตรงจุดเพื่อความอยู่รอดในเบื้องต้นและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาวครับ